การวิเคราะห์กราฟ Forex คืออะไร?
การวิเคราะห์กราฟ เป็นการใช้ข้อมูลราคาในอดีตและปัจจุบันมาวิเคราะห์เพื่อคาดการณ์ทิศทางการเคลื่อนไหวของราคาในอนาคต ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับนักเก็งกำไรในการทำการซื้อขายในตลาด Forex โดยการวิเคราะ
ห์กราฟแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก คือ การวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis) และการวิเคราะห์พื้นฐาน (Fundamental Analysis)
- การวิเคราะห์ทางเทคนิค: ใช้กราฟและตัวชี้วัดทางคณิตศาสตร์เพื่อหาสัญญาณการซื้อหรือขาย เช่น การใช้กราฟแท่งเทียน, แนวรับ-แนวต้าน, เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Average)
- การวิเคราะห์พื้นฐาน: วิเคราะห์จากปัจจัยทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง ซึ่งส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของสกุลเงิน เช่น การประกาศตัวเลข GDP, อัตราดอกเบี้ย, หรือรายงานการจ้างงาน
ประเภทของกราฟที่ใช้ในตลาด Forex
กราฟที่ใช้ในตลาด Forex มีอยู่ 3 ประเภทหลักที่นักลงทุนควรรู้จัก ได้แก่:
- กราฟเส้น (Line Chart): เป็นกราฟที่ง่ายที่สุด แสดงราคาปิดของช่วงเวลาหนึ่งๆ เหมาะสำหรับการดูแนวโน้มหลักของตลาด แต่ไม่แสดงรายละเอียดของการเคลื่อนไหวของราคาในช่วงเวลานั้น
- กราฟแท่ง (Bar Chart): แสดงรายละเอียดของราคาเปิด, สูงสุด, ต่ำสุด, และปิดของช่วงเวลาหนึ่ง ซึ่งช่วยให้นักเทรดเข้าใจการเคลื่อนไหวของตลาดได้มากขึ้น
- กราฟแท่งเทียน (Candlestick Chart): เป็นที่นิยมมากที่สุดในกลุ่มนักเทรด Forex เพราะแสดงข้อมูลอย่างละเอียด เช่น ราคาเปิด, ปิด, จุดสูงสุดและต่ำสุดของช่วงเวลา อีกทั้งยังช่วยให้เห็นรูปแบบของตลาดได้ง่ายขึ้น
ตัวชี้วัดทางเทคนิคที่ควรรู้
การวิเคราะห์ทางเทคนิคในตลาด Forex จำเป็นต้องอาศัยตัวชี้วัด (Indicators) เพื่อช่วยในการคาดการณ์แนวโน้มของตลาด ซึ่งตัวชี้วัดที่นิยมใช้ ได้แก่
- Moving Average (ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่): เป็นการหาค่าเฉลี่ยของราคาในช่วงเวลาที่กำหนด เช่น 20 วันหรือ 50 วัน เพื่อดูแนวโน้มตลาด หากเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่อยู่เหนือกราฟราคา แสดงว่าตลาดอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น แต่หากเส้นอยู่ต่ำกว่าราคา อาจเป็นสัญญาณของแนวโน้มขาลง
- RSI (Relative Strength Index): เป็นตัวชี้วัดความแข็งแกร่งของแนวโน้มและช่วยบอกว่าเมื่อไหร่ที่ตลาดอยู่ในภาวะซื้อมากเกินไป (Overbought) หรือขายมากเกินไป (Oversold) ค่า RSI ที่สูงกว่า 70 หมายถึงตลาดอาจมีการซื้อมากเกินไป และต่ำกว่า 30 หมายถึงมีการขายมากเกินไป
- MACD (Moving Average Convergence Divergence): ตัวชี้วัดที่ใช้ตรวจสอบความแตกต่างของค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ ช่วยบอกสัญญาณการซื้อหรือขายเมื่อเส้น MACD และเส้นสัญญาณตัดกัน
การวิเคราะห์แนวรับและแนวต้าน (Support & Resistance)
การระบุแนวรับและแนวต้านเป็นการค้นหาระดับราคาที่สำคัญซึ่งตลาดมักจะหยุดเคลื่อนไหว แนวรับคือระดับราคาที่มีการซื้อมากจนสามารถดันราคาให้กลับขึ้นไปได้ ส่วนแนวต้านคือระดับราคาที่มีการขายมากจนทำให้ราคาลดลง การหาจุดแนวรับและแนวต้านช่วยให้นักลงทุนสามารถกำหนดจุดเข้าและออกจากตลาดได้ดีขึ้น
รูปแบบกราฟ (Chart Patterns) ที่นักเทรดควรรู้
การดูรูปแบบของกราฟเป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่ใช้ในการคาดการณ์ทิศทางของตลาด ตัวอย่างรูปแบบที่นักเทรดควรรู้ ได้แก่
- Head and Shoulders: เป็นรูปแบบที่บ่งบอกถึงการกลับตัวของแนวโน้ม โดยประกอบด้วยจุดสูงสุดหลัก (Head) และจุดสูงสุดรอง (Shoulders) หากกราฟทะลุแนวเส้นคอ (Neckline) มักหมายถึงการกลับตัวของราคา
- Double Top และ Double Bottom: รูปแบบที่แสดงถึงการทดสอบระดับราคาสองครั้ง โดย Double Top เป็นสัญญาณการกลับตัวลง ในขณะที่ Double Bottom เป็นสัญญาณการกลับตัวขึ้น
- Ascending Triangle และ Descending Triangle: รูปแบบที่ใช้ในการคาดการณ์การเคลื่อนไหวของตลาดที่มีความต่อเนื่อง
การวางแผนการเทรดโดยใช้การวิเคราะห์กราฟ
นอกจากการดูกราฟแล้ว การวางแผนการเทรดเป็นขั้นตอนที่สำคัญในการเก็งกำไร โดยนักเทรดควร:
- กำหนดจุดเข้าและจุดออกจากตลาดอย่างชัดเจน
- ตั้งค่า Stop Loss และ Take Profit เพื่อป้องกันการขาดทุนและล็อกกำไร
- ติดตามการเคลื่อนไหวของตลาดอย่างต่อเนื่องและปรับเปลี่ยนกลยุทธ์เมื่อจำเป็น
ข้อควรระวังในการวิเคราะห์กราฟ
แม้ว่าการวิเคราะห์กราฟจะช่วยในการคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคา แต่มันไม่สามารถรับประกันความแม่นยำ 100% ได้ ความเสี่ยงในตลาด Forex ยังคงมีอยู่ ดังนั้นนักเทรดควรใช้การวิเคราะห์กราฟควบคู่กับการจัดการความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ
บทสรุปการวิเคราะห์กราฟในตลาด Forex
การวิเคราะห์กราฟในตลาด Forex เป็นทักษะที่สำคัญสำหรับนักเก็งกำไร การใช้ตัวชี้วัดทางเทคนิคและการศึกษาแนวโน้มจากกราฟสามารถช่วยให้นักลงทุนตัดสินใจได้ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงยังคงมีอยู่ ดังนั้นการบริหารความเสี่ยงและการฝึกฝนการวิเคราะห์เป็นสิ่งสำคัญในการเพิ่มโอกาสในการทำกำไรในตลาด Forex
0 ความคิดเห็น